อันนี้เอามาจากเว็บของกรุ๊งกริ๊งครับ ที่มาก็อ้างอิงตามนั้นได้เลย
PUFF [The Magic Dragon]
Peter Paul & Mary
..Puff the magic dragon
lived by the sea
And froliked in the autumn mist
In a land called Honah Lee
Little Jackie Paper loved that rascal Puff
And brought him strings and sealing wax
And other fancy stuff oh,
*..Puff the magic dragon
lived by the sea
And froliked in the autumn mist
In a land called Honah Lee
Puff the magic dragon
lived by the sea
And frolicked in the autume mist
In a land called Honah Lee
..Together they would travel
On a boat with billowed sail
Jackie kept a look out perched on Puff's gigantic tail
Noblekings and princess
would bow when e'er they came
Pirate ships would low'r their flag
When puff roared out his name Oh!((repeat*))
..A dragon lives forever
but not so little boys
Painted wings and giant rings
Make way for other toys
One grey night it happened
Jackie Paper came no more
And Puff that might dragon
He ceased his fearless roar
..His head was bent in sorrow
Green scales fell like rain
Puff no longer went to play along the cherry lane
With out his life long friend
Puff could not be brave
So Puff that mighty dragon,
Sadly slipped into his cave.oh!((repeat*))
วันนี้ไม่มีอะไรทำ เห็นมันน่าสนใจดี เลยเอามาเขียนบทความซะเลย
เราจะมาลองวิเคราะห์เนื้อเพลงกัน
ก่อนอื่นเลย หากมองหากฟังผ่านๆ เพลงนี้ก็ไม่มีอะไรมาก เป็นเหมือนกับเพลงของเด็กที่มีเนื้อหาค่อนข้างเศร้าเท่านั้นเอง
แต่เพื่อนๆหารู้ไม่ว่า เพลงๆนี้ หากเอามาพิจารณาดูแล้ว กลับแฝงไปด้วยปรัชญาและข้อคิดที่น่าสนใจ!! (คิดเอาเองน่ะว่าน่าจะมี)
คำสอนข้อที่หนึ่ง : ใดใดในโลกล้วนอนิจจัง
โอว แค่ข้อหนึ่งก็กินขาด นี่มันหลักศาสนาพุทธชัดๆ ในเนื้อเพลงท่อนสุดท้ายกล่าวถึง Jackie ที่ไม่ได้ "lives forever" เหมือนกับ Puff ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ตราบใดที่ยังคงเป็นมนุษย์ปุถุชนคนเดินดินแล้ว ต่อให้มีเพื่อนเป็นโคตรมังกร ก็ไม่สามารถหลีกหนีจากความตายได้ นอกจากจะกล่าวถึงเรื่องความเป็นความตายของคนแล้ว ในเนื้อเพลงยังกล่าวถึงปฏิกิริยาของ Puff เมื่อเพื่อนรักไม่มาหาแล้ว ว่า เศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างมาก ตรงนี้ก็เป็นตัวอย่างที่ดีที่แสดงให้เห็นถึงสภาพที่ไม่เข้าใจถึงสัจธรรมข้อนี้ อันที่จริงหาก Puff เข้าใจถึงวัฎจักรของชีวิต เขาก็จำเป็นที่จะต้องทำใจยอมรับมันให้ได้ ยิ่งเป็นอมตะด้วยแล้ว เพราะเขาจะยังต้องพบเห็นความตายของผู้คนที่อยู่รายรอบตัวและไม่ได้มีชีวิตยืนยาวเช่นมังกร และถึงแม้จะเศร้าเพียงใด แต่ในชีวิตจริงแล้ว หากทำใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ ก็ได้แต่จมอยู่กับความทุกข์นั้น ไม่ได้ก้าวไปข้างหน้าสักที และยังเป็นการทำลายตัวเองอีกด้วย ดังท่อนที่ว่า "..His head was bent in sorrow Green scales fell like rain"
คำสอนข้อที่สอง : สิ่งมีชีวิตอยู่ในโลกตัวคนเดียวไม่ได้
ข้อนี้พิสูจน์ได้จากการที่ Puff และ Jackie เป็นเพื่อนสนิทกัน เหตุใดมังกรเวทมนตร์ที่มีชีวิตอมตะถึงเลือกที่จะมาคบกับเด็กชายตัวเล็กๆที่มีชีวิตอยู่เพียงไม่กี่สิบปีด้วยเล่า เหตุผลนั้นตอบได้ง่ายๆ เพราะถึงจะเป็นระยะเวลาสั้นๆเมื่อเทียบกับช่วงชีวิตของ Puff แต่ในช่วงที่มี Jackie อยู่นั้น อาจเป็นช่วงไม่กี่สิบปีที่ดีที่สุด และอาจไม่มีอีกแล้วในชีวิตของ Puff ก็เป็นได้ เห็นได้จากเนื้อเพลงท่อนแรกๆที่แสดงให้เห็นว่าทั้งคู่เล่นกันอย่างสนุกสนาน และเมื่อ Jackie จากไป มังกรเวทมนตร์ที่แสนยิ่งใหญ่ ก็ไม่เหลือความมีชีวิตชีวาอีกเลยความเป็นอมตะนั้นน่ากลัว มีเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิตมากเกินไป ทั้งสุขและเศร้า การมีเพื่อนแท้จึงเป็นสิ่งสำคัญ เขาสามารถช่วยเหลือพึ่งพา และทำให้เราสามารถก้าวผ่านช่วงเวลาต่างๆไปได้ คนที่อยู่คนเดียวในโลกน่ะ ไม่มีหรอกครับ
คำสอนข้อที่สาม : ความเป็นเด็กและจินตนาการยังคงอยู่กับเราเสมอ
หากมองในแง่ของสัญลักษณ์แล้ว มังกรเวทมนตร์สามารถเปรียบแทนได้กับ จินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ และความเป็นเด็ก Jackie ในท้องเรื่องของเพลงนั้นเปรียบกับตัวของเราเอง ตั้งแต่เล็กจนโต ความคิดสร้างสรรค์ยังคงอยู่กับเราตลอด อยู่ที่เราคิดว่ามันยังมีหรือไม่ Puff อาจไม่มีตัวตนในสายตาของชาวบ้านคนอื่นๆ แต่สำหรับ Jackie แล้ว Puff มีตัวตนจริงๆสำหรับเขา และเพราะเขาเชื่อเช่นนั้นจริงๆ Puff จึงทำให้ทั้งพระราชา หรือแม้กระทั่งโจรสลัดต้องยอมก้มหัวให้กับ Jackie เปรียบกับพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ ที่สามารถเอาชนะความไม่สะดวกสบาย และคำสบประมาทต่างๆลงได้ หากสองพี่น้องตระกูลไรท์ไม่คิดที่จะเอาชนะแรงโน้มถ่วงของโลก เดี๋ยวนี้เราคงไม่มีเครื่องบิน หากโทมัส แอลวา เอดิสัน ไม่คิดที่จะเอาชนะความมืดของกลางคืน เดี๋ยวนี้เราคงไม่มีหลอดไฟให้ใช้ ความคิดสร้างสรรค์เป็นองค์ประกอบสำคัญของความก้าวหน้าในศาสตร์แขนงต่างๆ หากใครมีความคิดสร้างสรรค์แล้ว ก็เท่ากับมีพลังแห่งมังกรผู้ไร้เทียมทานอยู่เคียงข้างเลยทีเดียว
ครับ หมดแล้ว แต่เราว่าความจริงมันยังมีอีกนะ แต่ตอนนี้เราคิดไม่ออก ถ้าใครช่วยคิดหรือพบแง่คิดอื่นๆที่มีในเพลงนี้ ก็สามารถร่วมแสดงความคิดเห็นได้ครับ ไม่มีการจำกัดความคิดกันอยู่แล้ว
ปล.เราว่ากรุ๊งกริ๊งคงแค่ชอบเพลงนี้เฉยๆ เราไม่รู้เหตุผลที่ชอบหรอก แต่คงไม่คิดมากขนาดนี้หรอก คิดได้ขนาดนี้ก็ต้องบ้าเข้าขั้นแล้ว กั่กๆๆๆ
แสงหนึ่งคือรุ้งงาม
ดอกแก้วกัลยาครับ
วันศุกร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2551
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
1 ความคิดเห็น:
เออ...คือคิดมากดีกว่าไม่คิดอะนะ เพราะฟังเพลงนี้มาก็หลายรอบแล้ว คิดแค่ตื้นๆ ว่าเพราะดี และดูรู้สึกเศร้าเล็กๆ มาเจอคนคิดมาก...หงายท้องเลย
แต่ชอบสิ่งที่คิดนะ
brightmoon
แสดงความคิดเห็น